ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ที่ ประกอบไปด้วยที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากกว่า 10 รายการให้เพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวแบบหยุดเวลาได้อย่างดี แล้วจะบอกว่าถ้าเพื่อนๆ อยากมาลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ แบบญี่ปุ่นธรรมชาติแล้ว ก็จะติดใจไปยาวๆ เลยครับ
วันนี้ในสตอรีนี้ ผมก็จะขอมาเล่าประสบการการเดินทางไปคิวชูเป็นครั้งแรกให้เพื่อน ๆ ได้เอาไปเที่ยวเองกันครับ
ท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่ยากขนาดนั้น
สำหรับคนไทยแล้ว การท่องเที่ยวที่ต่างประเทศอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับใครที่สามารถท่องเที่ยวเองได้ ผมเชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของคน ไทยเลยก็ว่าได้ ทั้งเรื่องของวัฒนธรรมที่นุ่มละมุน การกินอาหารที่ก็ไม่ได้แตกต่างกับรสมือคนไทยเท่าที่ควร และค่าเครื่องบินที่วันนี้เพื่อน ๆ แทบจะหาในราคา 5000 บาทไปกลับได้แล้ว
แต่เพื่อน ๆ ก็คงจะพบเจอกับจังหวัดที่โด่งดังอย่างเช่นพวกโตเกียว (Tokyo) โอซาก้า (Osaka) หรือซับโปโร/ฮอกไกโด (Sapporo / Hokkaido) กันใช่ไหมหล่ะครับ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) นั้นก็มีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมากเช่นเดียวกัน
ด้วยว่าผมเองอยากจะไปเจอหมีคุมะมง (Kumamon) ตัวเป็น ๆ ก็เลยทำการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินอย่างไวเพื่อดูดรับประสบการณ์ธรรมชาติที่ไม่มีที่ไหนในประเทศไทยสามารถให้ได้
สำหรับเพื่อนๆที่อ่านแล้วอยากไปเที่ยวตามแล้วเนี่ย เข้าไปอ่านบทความของแต่ละวันโดยการคลิกไปที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยครับ
-
วันที่ 0 เดินทางลัดฟ้าไปญี่ปุ่น
-
วันที่ 1 เที่ยวจุดที้งระเบิดนิวเคลียร์ และ พิพิธภัณฑ์ระเบิดนิวเคลียร์ที่จังหวัดนะงะซะกิ
-
วันที่ 2 เที่ยวเกาะร้างสุดหลอนอย่าง Hajima และ เที่ยวเมืองดอกไม้เนเธอร์แลนด์ Huis Ten Bosch
-
วันที่ 3 สวัสดีหมีคุมะมงที่ Kumamon Square และช้อปปี้งที่แถบช้อปปี้งในจังหวัดคุมะโมะโตะ
-
วันที่ 4 เที่ยวภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอย่างภูเขา Aso และสวนจำลองประเทศญี่ปุ่น
-
วันที่ 5 แช่น้ำร้อนที่เมืองออนเซ็นอันโด่งดังของญี่ปุ่นในเมืองเบ็ปปุ
-
วันที่ 6 เที่ยวแหล่งช้อปปี้งและอาหารที่เมืองยุฟุอิน
-
วันที่ 7 ตะลอนเที่ยวเมืองใกล้เคียงอย่างคิตะกีวชูและเที่ยวเล่นในเมืองฟุกุโอกะ
-
วันที่ 8 ตะลอนเที่ยวเมืองบ้านๆ อย่าง Kurume และเที่ยวเล่นในเมืองฟุกุโอกะ
-
วันที่ 9 เดินเที่ยวช้อปปี้งของ Duty Free ในร้าน DonQuijote ในเมืองฟุกุโอกะ
-
วันที่ 10 เดินทางกลับประเทศไทย
เกาะคิวชูอยู่ไหน
ต้องเกรี่นก่อนนะครับ ว่าเกาะคีวชูเป็นเกาะที่อยู่ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ทางใต้กว่าเมือง Tokyo, เมือง Osaka และเมือง Hiroshima ไปอีก ทำให้อากาศที่นี่มีความ “อากาศแบบไทยๆ” อยู่เหมือนกัน ตอนที่ไปก็ เป็นช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตอนเที่ยงๆ ก็ประมาณ 30 องศาอยู่ ก็ทำให้ไม่ได้ต่างอะไรกับไทยมาก แต่อากาศมีความแห้งกว่าไทยอยู่เยอะ เลยจะทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเหนอะหนะตัวซักเท่าไหร่ อากาศที่ว่ามันก็ร้อนก็ไม่รู้สึกร้อนมาก ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาเดินเที่ยวที่สะบายเลยทีเดียวครับ ตอนดึกๆ อากาศก็จะตก 18 องศาเซลเซียสครับ ถือว่าไม่หนาวซะเกินไป เหมาะสมกับการเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นตอนกลางคืนสุดๆ
เที่ยวคิวชูในช่วงที่ไม่มีใครอยากไป!
เกาะคิวชูจึงเป็นตัวเลือก หนึ่งสำหรับเพื่อน ๆ คนไทยที่ต้องการโอกาสไปเที่ยวเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ (จะเรียกว่าต่างจังหวัดก็ได้นะ) ซึ่งซักครั้งนึงในชีวิตควรไปแวะเที่ยวกัน
อีกทั้งว่าการท่องเที่ยวเดือนมิถุนายนของผมนั้นจะเป็นการเที่ยวในช่วง Low Season แต่ด้วยว่าเป็นเวลาที่ผมว่าง อีกทั้งค่าเครื่องบินที่ราคาถูกเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก และบรรยากาศกำลังชิว ๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ให้ผมเลือกเที่ยวในช่วงเวลานี้ครับ
ก่อนเที่ยว ไม่ต้องแพลนอะไรมาก
ตอนก่อนที่จะไป ผมหลีกเลี่ยงที่จะทำ research แบบประเภทที่ดูเอาจากที่เค้าเที่ยวกันใน Youtube ครับ เพราะพอเข้าไปดูทีไ ร ก็จะโดนสปอยส์ว่า ต้องเที่ยวแบบนี้สิดีที่สุด ต้องอย่างลืมแวะที่นี่ด้วย กินร้านนี้สิ ส่วนตัวผมแล้วมันทำการเที่ยวนั้นไม่สนุกเลยครับ ไม่มีความตื่นเต้นเท่าการไปดูเอาหน้างานและลองกินมันที่นั่นเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ทำการบ้านเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนะ! แค่จะหลีกเลี่ยงการโดนสปอยล์ให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
การที่ผมเลือกที่จะไม่ดูรีวิวแบบเป็นว่าต้องไปทำอะไรบ้าง ยังไงบ้างทำให้การเที่ยวทริปนี้ของผมน่าตื่นเต้น เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในแต่ละเมืองมากขึ้น เพราะเราก็ต้องระแวงคนรอบข้างด้วย (และเค้าก็ระแวงเราเช่นกัน) และเที่ยวได้อย่างเหมาะสมกับพลังในการเดินของตัวเองได้ทุกๆวันของการไปเที่ยว
แต่วันนี้ ผมจะมาเขียนเล่าก่อนว่าผมจัดการเที่ยวอย่างไรให้เหมาะกับการเที่ยวสไตล์ของเพื่อนๆเอง จะไม่มีการสปอยส์ มาก เพราะอยากให้ไปเห็นของจริงมากๆครับ เราจะมาเรื่มต้นจากการแพลนอะไรพื้นฐานก่อนก็แล้วกันครับ ถ้าเพื่อนๆ อยากทำตาม ก็ลองได้ครับ เพราะผมลองแพลนแบบนี้มาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรครับ แล้วก็พอดีเวลาด้วย เผลอๆ มีเวลาเหลือให้เพื่อนๆ ไปช้อปปิ้งด้วยครับ
ผมว่ามันคือประสบการณ์การเที่ยว การใช้ชีวิต การทำอะไรทุกๆอย่าง ทำตัวอะไรโง่ๆ บ้าๆบอๆ เองคนเดียว ครั้งแรกนอกประเทศ ถ้ามันไม่ใช่ญี่ปุ่น ผมคงไม่รอดกลับมาเขียนบล็อกนี้แน่เลย :D
เตรียมตัวไปเที่ยว
ตอนที่ผมเตรียมตัวในการเที่ยวนั้น ก็จะทำการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และการเดินทางไปแต่ละเมืองไปอย่างหยาบๆ เพื่อให้เราไม่ลืมว่าจะต้องเปลี่ยนเมืองตอนไหน เมื่อไหร่ และเที่ยวอย่างไร ใน blog นี้เลยจะเขียนเพียงเรื่องนี้ก็แล้วกันนะครับ
จำนวนวันที่ไปเที่ยว
เราต้องเรื่มจากเรื่องนี้ก่อนใครเลยครับ คำถามแรกๆที่เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า ต้องไปเที่ยวกี่วันดี เพื่อที่จะเที่ยวให้ครบ ผมก็จะบอกว่าประมาณ 10 วันครับ เนื่องจากว่า
-
แต่ละสถานที่ หากว่าต้องย้ายเมืองก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว ไปหมดมันที่รถไฟเดินทางต่างเมือง การย้ายสัมภาระ การหาวิธีการเดินทาง พูดง่ายๆก็คือ คุณจะต้องเผื่อเวลาสำหรับวันเปลี่ยนเมืองน้อยลงไปเกือบครึ่งวันเลย ยกเว้นว่าเก่งมา กก็ 1 ชั่วโมงได้ครับ
-
ที่เที่ยวในแต่ละเมืองเยอะมาก ทำให้แต่ละจังหวัดน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน นั่นหมายความว่า ภายใน 2 วันนั้น คุณไปเที่ยวได้ประมาณ 4 แหล่ง (ไม่ใช่ที่) ครับ
-
มีจังหวัดที่น่าเที่ยวประมาณ 4 ถึง 5 จังหวัดครับ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นจังหวัดฝั่งบน (Northern Kyushu) ผมก็อยากที่จะไปมันทั้งหมดแหละ แต่เราก็ต้องคำนึงว่าเราไปเอง ไม่ได้ขับรถไปด้วย เลยจำเป็นที่จะเที่ยวได้แค่จุดที้มันมีรถสาธารณะเท่านั้นเอง
-
เพื่อนๆจะต้องซื้อ Pass เพื่อประหยัดค่าเดินทาง (เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆจะเข้าใจเองครับ) ทำให้เพื่อนๆอาจจะต้องจัดตารางวันเที่ยวให้หาร 3 หรือ 5 ลงตัวเพื่อให้ได้ใช้ Pass อย่างมีประสิทธิภาพครับ
-
ใน 2 วันที่บอกไว้ ไม่ได้รวมเวลาช้อปปี้งนะครับ ถ้าเพื่อนๆต้องไปซื้อของฝากเยอะ หรือใช้เวลาเพื่อจะไปดูหลายๆร้าน เพื่อเทียบราคา หรือหาของพิเศษจริงๆ 10 วันอาจจะไม่พอ แต่สำหรับผมคือพอ เพราะไปช้อป 2 วันสุดท้ายเลย
แต่จะพูดไป ผมก็ไป 10 วันแล้วก็รู้สึกว่ามันพอดีจริงๆ ไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป
ตั๋วเครื่องบิน
การไปเกาะคิวชู เอาจริงๆไม่ได้มีเพียงการบินตรงอย่างเดียวนะครับ เพื่อนๆที่อยากที่จะไปเที่ยวตาม ก็มีให้เลือกหลายรูปแบบอยู่ครับ อันนี้เป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำครับ
-
**บินตรงโดยสายการบินไทย (TG) **บินตรงจากสุวรรณภูมิ ใช้เวลา 5 ชั่วโมงกว่าๆ และเวลาที่ลงสนามบินเป็นช่วงเช้า (8 โมงหน่อยๆ) ข้อเสียอาจจะเป็นเรื่องเครื่องบินเก่าหน่อย (เก่าเท่า Low Cost อ่ะครับ) แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่า เลี้ยงอาหารมัน 3–4 รอบอ่ะครับ แล้วยังขอได้เรื่อยๆด้วย
-
บินโดยใช้สายการบินของญี่ปุ่น (ตัวอย่างเช่น Japan Airline) จะบินไปที่สนามบิน Haneda และ transfer เพื่อลงสนามบิน Fukuoka และเวลาที่ลงสนามบินเป็นช่วงเที่ยง ข้อเสียคือจะเป็นเรื่องที่จะต้องทำการ transfer และราคาพอๆ กับสายการบินไทย
-
**บินตรงโดยใช้สายการบิน Low Cost **โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสายการบินที่เป็นประเภท Low Cost ก็จะ transfer ที่ประเทศหลักของเค้าเอง (เช่น AirAsia ก็ต้องไปลง Indonesia ก่อน) ซึ่งเวลาที่เครื่องลงจะดึกอยู่เหมือนกัน (ประมาณ 3 ทุ่ม) Update: AirAsia บินตรงไปฟุกุโอกะแล้วครับ
-
บินไปลง Osaka/Tokyo ก่อน และก็ต้องไปบินภายในประเทศของ Peach (ถ้าอยากได้แบบ Low Cost) หรือ JAL/ANA (ถ้าอยากได้การบริการ) เพื่อไปถึงปลายทางอย่าง Fukuoka ข้อเสียคงเป็นเรื่องเวลาการ Transfer ที่อาจจะใช้เวลาเกือบครึ่งวัน (ซึ่งแล้วแต่สา ยการบินและเวลาที่เลือกบิน) และอาจที่จะต้องทำการพักผ่อนก่อน 1 คืน (เฉพาะตอนมา) เพราะเครื่องลงดึกมาก
ก็ตามที่เห็นนะครับ ผมไปคนเดียวและแพลนการเที่ยวแบบแหลกลาน ผมเลยแนะนำให้บินการบินไทยเถอะครับ แพงกว่าหน่อย (ตอนที่ผมไป ตั๋วไปกลับราคา 16K เทียบกับ AirAsia ที่ 12K) เพราะก็ไม่ได้ซื้อล่วงหน้าเท่าที่ควร แต่ประหยัดเวลาไปได้เยอะเหมือนกัน แล้วก็สะดวกด้วย และพอเครื่องลงแล้ว มันก็ยังเพิ่งจะ 8 โมงเอง เราก็สามารถเที่ยวได้เลย แต่สำหรับเพื่อนๆ ก็ดูข้อดี ข้อเสียเอาก็แล้วกันนะครับ เอาตามความเหมาะสมเลยครับ
และนอกจากการบินไปลงสนามบิน Fukuoka ก็ยังมี
-
นั่งเรือ Ferry จากเกาะปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ มาลง Fukuoka
-
นั่ง Shinkansen จากเมืองที่มีบริการ Shinkansen มา Fukuoka เช่นโอซากะ หรือ โตเกียว